ตีห้าพร้อมใจกันตื่นโดยไม่มีใครอิดเอื้อน ฟ้ายังไม่สางแต่พวกเราก็ออกเดินทางทันที อากาศสดชื่นดีจริงๆ การตื่นแต่เช้าเป็นกำไรชีวิตที่เราได้เห็นวิถีชีวิตยามเช้าของชาวบ้านสองฝั่งถนน จากที่พักเดิมประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร เราผ่านอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ รอบๆ อุทยานฯมีรีสอร์ทที่น่าพักมากมาย ผมนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่ยอมทนขับรถมาอีกนิดเดียวเราก็จะได้ที่พักดีๆ มีความสะดวกสบาย เหมาะสำหรับที่จะพักผ่อนจริงๆ...เจ็บใจตัวเองครับท่าน....
 
มีรีสอร์ทที่น่าพักมากมาย ผมนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่ยอมทนขับรถมาอีกนิดเดียวเราก็จะได้ที่พักดีๆ มีความสะดวกสบาย เหมาะสำหรับที่จะพักผ่อนจริงๆ...เจ็บใจตัวเองครับท่าน.... พอฟ้าสางเราแวะกินกาแฟกันที่ตลาดริมทาง ผมจำชื่อสถานที่ไม่ได้ แต่รู้ว่าอยู่ในเขตอำเภอตะกั่วทุ่ง ได้กินขนมพื้นเมืองแปลกๆ แกล้มกับกาแฟร้อนอร่อยดีครับ จากนั้นก็แวะเข้าไปที่"น้ำตกลำปี" เราเข้ากันเช้าไปหน่อย เจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ยังไม่มาทำงานกัน เราเลยถือวิสาสะเปิดรั้วกันเข้าไปเอง ที่จอดรถอยู่ใกล้กับน้ำตกไม่ต้องลำบากเรื่องการเดิน โดยเฉพาะมะเหมียวเท้าเจ็บเราต้องระวังเป็นพิเศษน้ำตกที่นี่น้ำมีให้เล่นมากมาย แต่ยังเช้าเกินไปที่เราจะเล่นกัน เลยได้แค่ชมความงามของน้ำตกกันอย่างเดียว บริเวณน้ำตกเฟินที่ผมเห็นก็มี เฟินขนคางพญานาค เฟินลิ้นผีไม้ เฟินข้าหลวง ....ก่อนที่เราจะออกเดินทางกันต่อไป ที่ที่เราจอดรถผมได้กลิ่นดอกไม้ป่าหอมตลบอบอวนทั่งบริเวณ แต่ไม่ทราบหรอกครับว่าเป็นดอกอะไร พยายามเดินตามหาที่มาของกลิ่นก็หาไม่พบ ถามเจ้าหน้าที่คนขยันที่มาทำงานแต่เช้าก็ไม่ทราบ เราก็เลยไปออกเดินทางกันต่อไป เราแวะเสียค่าธรรมเนียม เพราะตอนเข้ามาไม่ได้เสียเงินเจ้าหน้าที่ผู้หญิงก็ใจดีคงเห็นว่ายังเช้าอยู่ก็เลยไม่เก็บเงินเรา แต่ผมก็เต็มใจให้นะครับเพราะจะได้ช่วยกันบำรุงอุทยานฯ และต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ...
 

จากน้ำตกเขาลำปี-ท้ายเหมือง เราก็แวะเข้าไปที่"น้ำตกเขาลำนารายณ์" ระยะทาง ก็หลาย
ที่จะไปได้ ก็ไปจอดที่ สำนักงานของ ออป. ที่เก่าคร่ำคร่า แต่ก็มีสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามีคน
นั้นแค่พอเหงื่อซึมๆ ก็ถึงอาคารทำน้ำประปาเก่าๆ ที่ถูกทิ้งให้รกร้าง ถัดไปอีกนิดประมาณ
เสียงร้องแปลกๆ ลักษณะเสียงคงเป็นนกน้ำอะไรซักอย่าง พอผมเดินเข้าไปใกล้มันก็เงียบ
หรืออย่างไรก็ไม่ทราบหลายครั้งที่ไปเที่ยวน้ำตก แล้วเห็นปราการกั้นน้ำที่เป็นฝายคอน
ลึกทำให้รู้สึกหงุดหงิดว่าเป็นการทำลายทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติที่มันควรจะ สุดทางเดินแค่นั้น แต่ด้านขวามือมีทางเล็กๆ ให้เดินได้ ผมเดินตามทางไปเรื่อยๆ เข้าป่า
หวนชวนดมจนต้องหยุดมองหา แล้วก็พบดอกไม้สีม่วงเป็นที่มาของกลิ่นอันหอมชื่นใจ แค่อก ....หลังจากชื่นชม และดอมดมกันจนพอใจพวกเราก็เดินกันต่อไป ...ไม่ได้ยินเสียง
เราจึงตัดสินใจกลับออกมา.....

กิโลเมตร (จำไม่ได้) เข้าไปจนสุดทางที่รถยนต์
อาศัยอยู่ มีเส้นทางให้เดินผมก็เดินไปตามทาง
ร้อยเมตรมีฝายกั้นน้ำ ไปยินเสียงนกร้อง เป็น
เสียงไป ในความที่เป็นคนรักธรรมชาติของผม
กรีตเดินได้ ผมเดินตามทางไปเรื่อยๆ เข้าป่าทึบ
เป็น ในทริปนี้ผมก็เห็นอยู่หลายแห่งทีเดียว...
ทึบลึกเข้าไปทุกที ผมได้กลิ่นดอกไม้ป่าที่หอม
ดอกใหญ่กว่าดอกเข็มเล็กน้อย เป็นต้นไม้เตี้ย
น้ำไหล ป้ายบอกทางก็ไม่มี ทางเดินก็เลือนลาง
 
มุ่งหน้าสู่จังหวัดกระบี่ ผ่านตัวเมืองกระบี่ เลี้ยวเข้า"น้ำตกห้วยโต้" อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา มองไปที่ยอดเขาพนมเบญจายังมีเมฆปกคลุมอยู่ทั้งปีทั้งชาติ เค้าเล่ากันว่าข้างบนเป็นป่าใส่เสื้อ แต่ผมไม่เคยขึ้นไปหรอกครับ เค้าเล่ากันว่าเส้นทางโหดพอดู แถมทากดูดเลือดก็ชุกชุม เราแวะน้ำตกห้วยโต้ที่ผมเคยได้มาเล่นน้ำ และกางเต็นท์นอน ประทับใจยังไม่รู้ลืม....สภาพเปลี่ยนไปมากครับ ร้อน และแห้งแล้ง แต่ก็ยังมีเฟินให้เห็นครับ คงเป็นที่ทางอุทยานฯ นำมาปลูกประดับให้สวยงาม ที่เห็นก็มี ชายผ้าสีดาปักษ์ใต้ เฟินข้าหลวงหลังลาย ที่ขึ้นตามธรรมชาติก็คงจะเป็น เฟินหางนกหว้าที่อยู่บนคาคบไม้สูงๆ...พวกเรากำลังจะเดินไปน้ำตก ไกด์คนไทยที่พาฝรั่งมาเที่ยวบอกกับผมว่าตอนนี้น้ำตกไม่มีน้ำไหล อย่าเดินไปเลยเสียเวลา จะร้อนกันซะเปล่า ช่วงนี้ฝนไม่ตก ถ้าจะให้ดีต้องมาเดือนหน้า พวกเราเชื่อครับ อากาศร้อนมากเลยเผ่น! ออกจากที่นั่นทันที
ที่อยู่บนคาคบไม้สูงๆ...พวกเรากำลังจะเดินไปน้ำตก ไกด์คนไทยที่พาฝรั่งมาเที่ยวบอกกับผมว่าตอนนี้น้ำตกไม่มีน้ำไหล อย่าเดินไปเลยเสียเวลา จะร้อนกันซะเปล่า ช่วงนี้ฝนไม่ตก ถ้าจะให้ดีต้องมาเดือนหน้า พวกเราเชื่อครับ อากาศร้อนมากเลยเผ่น! ออกจากที่นั่นทันที จุดมุ่งหมายต่อไปของเราคือจังหวัดตรัง กะกันไว้ว่าจะไปนอนกันที่นั่น บ่ายแก่เราได้ที่พักกันที่หาดปากเมง ราคาไม่แพง สะอาด สะดวกสบาย ผิดกับที่พักเมื่อคืนราวกับฟ้ากับดิน พอแดดร่มลมตกก็ไปเที่ยวหาดเจ้าไหมกัน......