ในระยะ 3 ปี กว่าที่ผ่านมาที่ผมต้องเดินทางไป-มาอยู่บนเส้นทางลอยฟ้าสู่อุ้มผางอยู่บ่อยๆผ่านยอดเขานับร้อยลูกผ่านทางแคบๆผ่านโค้งนับพันผ่านป่าหลายประเภทพบเห็นเฟินผ่านตามามากมายคิดไว้ว่าซักวันคงได้ตลุยเข้าไปกินนอนในป่าให้สะใจกันบ้างแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนั้นซักทีเพราะเวลาที่ค่อนข้างจำกัดทำให้ต้องรีบทำงานแล้วก็รีบกลับ จะดีหน่อยต้องที่บ้านที่ผมใช้ซุกหัว อยู่ติดกับป่า ทำให้ยังพอสร้างความรื่นรมย์ได้บ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บุกตลุยป่าแต่ก็ยังดีที่สองข้างทางที่ผมขับรถผ่านทุกครั้งก็มีเฟินให้ดูอยู่ตลอดทาง แต่ก็อีกนั่นแหล่ะด้วยเวลาที่จำกัดจำเขี่ยก็เลยได้แค่มองผ่านๆ เห็นแล้วก็ได้แต่อาฆาตแค้นอยู่ในใจ
ผมจะเล่าคร่าวๆ ให้ฟังแล้วกันว่าระยะทางจาก อ.พบพระ จนถึงหมู่บ้านปรอผาโด้ที่ผมอยู่น่ะ ผมเจอเฟินอะไรบ้างที่อยู่ตามริมทาง เส้นทางจากแม่สอดมาพบพระ ไม่มีอะไรให้เห็นแบบน่าตื่นเต้นเลย มีแต่ไร่-สวน บ้านเรือน แต่พอจากพบพระมุ่งหน้าไปอุ้มผางเส้นทางเริ่มขึ้นเข้าสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังครับ ยังไม่ถึงเส้นทางที่เค้าเรียกกันว่าเส้นทางลอยฟ้า เส้นทางในช่วงนี้ เฟินที่เห็นตามต้นไม้เป็นพวกกระแตไต่ไม้ และห่อข้าวย่าบา คนแถบนี้เค้าเรียกว่า "ใบตองห่อข้าว" ชื่อฟังแล้วดูน่ารักดี จากพบพระมาประมาณ 20 ก.ม. เลยบ้านเจดีย์โค๊ะ ก็จะพบด่านตำรวจก่อนที่จะขึ้นเส้นทางลอยฟ้า ที่ด่านจะมีป้ายเตือนถึงความปลอดภัยในการใช้เส้นทางเส้นนี้ ที่ตลอดเส้นทางจะต้องขับรถผ่านเส้นทางแคบๆ ที่อยู่บนยอดเขา หรือไม่ก็เกือบๆ ยอด หุบเขาข้างล่างไม่ต้องไปมองหรอกครับว่าอยู่ตรงไหนมันลึกเสียจนไม่เห็นมองไม่เห็นจริงๆ แสดงว่าเราอยู่บนยอดเขาที่สูงมาก นั่นเป็นที่มาของคำว่า "เส้นทางลอยฟ้า" และเป็นที่มาของเรื่องเฟินลอยฟ้าที่ผมจะเล่าให้ฟังไงครับ เส้นทางเส้นนี้ขอแนะนำสำหรับผู้ที่กลัวความสูงพยายามอย่ามองลงไปจะทำให้ขาอ่อนหมดเรี่ยวหมดแรง มันสูงจริงๆ.....
พอรถเชิดหน้าขึ้นเขาเฟินที่เห็นตามริมทางเป็นพวก กูดขนคางพญานาค กูดกวาง บางช่วงที่จะพบเห็นกูดเกี๊ย ท้าลมแรงอยู่ริมทางที่เป็นเหว ตามหน้าผาที่เป็นดินลูกรังพบเห็นกูดตั่ง (อุ้งตีนหมี) กูดดอย สังเกตง่ายๆ เฟินพวกนี้จะมีใบออกเป็นสีส้มจัด โดยเฉพาะที่อยู่บนดอยสูงแบบนี้ ได้รับแสงแดดเต็มแบบนี้สีสดมาก เส้นทางช่วงนี้พบแต่ต้นเล็กๆ บางทีก็ขึ้นกันเป็นกอ ยังไม่เห็นต้นขนาดใหญ่ ผมเคยพบเฟินอุ้มตีนหมีบนบนเส้นทางสายนี้ซึ่งภูเขาลูกนั้นมีแต่เฟินชนิดนี้ทั้งลูก ขนาดต้นสูงไม่ต่ำกว่า 1 เมตร ตอนที่ผมเห็นเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูร้อน-ฝน เฟินโดนไฟป่า พอได้น้ำฝนเพียงนิดหน่อยก็แตกใบอ่อนสีส้มสดไปทั้งดอยเลยครับ เสียดายที่ถ่ายรูปมาให้ดูไม่ได้เพราะเป็นเส้นทางช่วงที่อันตรายจอดรถไม่ได้ เอาไว้ปีหน้าจะเดินขึ้นดอยไปถ่ายมาให้ได้ เส้นทางช่วงนี้ส่วนใหญ่ผ่านป่าเบญจพรรณ และป่าสนเขา เฟินที่เห็นตามข้ามทางมีให้ดูอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็น กูดเวียน กูดอ้อมที่เกาะตามคาคบไม้หรือ ตามหน้าผาหิน ริมหน้าผาที่เป็นดินลูกรังร่วนซุย ก็จะพบสามร้อยยอดได้ไม่ยาก บางแห่งก็จะพบเฟินก้านดำที่ชื่อกูดหูควาก เฟินชนิดนี้ถ้าขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เวลาลมพัดใบพลิ้วสวยงามมาก พวกโชนใบเล็กมีให้เห็นกันตลอดทาง ทั้งที่อยู่บนยอดดอย และริมทาง ถ้าพวกที่อยู่กลางแดดใบจะค่อนข้างสั้น แต่ถ้าใหญ่ในที่ร่มซักหน่อยใบจะค่อนข้างยาว-ใหญ่ ในช่วง 30 ก.ม. แรก เฟินที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นมีให้เห็นตลอดทาง หลังจากนั้นเฟินอุ้งตีนหมี ตามยอดดอยที่เห็นกันใกล้ๆ เริ่มจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ตามริมทางถ้าจอดรถดูกันให้ดีบางที่จะพบพวก Linsaea odrata ได้บ้างเหมือนกัน ตามต้นไม้หรือตามหน้าผาเริ่มพบพวก Crypsinus cruciformis แต่ก็ไม่หนาแน่นเท่าที่ควร
ขับรถผ่านภูเขาสูงชัน และโค้งหักศอกมาเรื่อยๆ ผ่านหมู่บ้านที่ชื่อว่าอุ๋มเปี้ยม จากนี้ไปเส้นทางลอยฟ้าเริ่มที่จะเขาสู่ป่าดงดิบ ระยะทางยาวไม่น่าจะน้อยกว่า 30 ก.ม. เส้นทางช่วงนี้ร่มครึ้ม บางช่วงก็มีเมฆหมอกหนาตา หยดน้ำร่วงหล่นจากใบไม้เหมือนฝนตก เราเริ่มเห็นเฟินหัสดำมากขึ้น แสดงให้เห็นดัชนีความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ได้อย่างชัดเจน .....เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ระยะทางอีกไม่ต่ำกว่า 50 ก.ม. ผมจะต้องรีบไปให้ถึงที่หมายก่อนเพราะมีงานรออยู่ แล้วผมจะย้อนกลับมาพาไปดูเฟินในป่าดงดิบริมทางในเส้นทางลอยฟ้าในวันพรุ่งนี้.................
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------