ป่า....อารมณ์....ปีใหม่

ย้อนไปเมื่อช่วงปีใหม่ 52 ที่ผ่านมา เป็นช่วงวันหยุดหลายวันผมรอคอยอะไรบางอย่าง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความหวัง ปฏิหารย์ไม่มีจริงสำหรับผม  การรอคอยแล้วได้พบกับสิ่งที่รอคอย สิ่งนั้นก็จะมีค่ามากมายแต่ถ้าไม่พบก็อาจไม่มีค่า แต่สำหรับบางคนถึงแม้ว่าไม่พบสิ่งที่รอคอย แต่สิ่งนั้นก็มีค่าสำหรับเขาเสมอ และมันก็จะมีค่าแก่การรอคอยตลอดไป เขาต้องยอมรับชะตากรรมของการรอคอยที่มันอาจจะเจ็บปวด ขมขื่น อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...แต่ผมจะรอหลังจากการรอคอยที่ไม่สมหวังในช่วงส่งท้ายปีเก่าของผมสิ้นสุดลง ผมตัดสินใจไปสวนที่อุ้มผางโดยปัจจุบันทันด่วน ช่วงเวลานั้น ผมนึกถึงเพลงนี้ของน้าหมู พงษ์เทพ ขึ้นมาทันที


                                “จะไปก็ไปไม่ต้องอาลัยนักหรอก                     ชีวิตเก่า ๆ มีแต่ความเก็บกด
                                  ยิ่งอยู่ยิ่งซ้ำมีแต่ความรันทด                                จะไปก็ไปใยแหวกว่ายเวียนวน”

บางทีธรรมชาติอาจอาจบำบัดจิตใจผมได้บ้าง ผมบอกกับเปิ้ลและเจ้าต้นว่าจะเดินทางไปอุ้มผางแบบจู่โจม ให้เวลาจัดเสื้อผ้าให้เร็วที่สุดเจ้าต้นก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกับผมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเราสองคนดีว่ารอคอยอย่างไม่มีความหวัง แวะไปชวนเก่ง ซึ่งให้ไปปรึกษาคู่ชีวิตพร้อมกับลูกๆ ว่าจะไปด้วยไหม   เด็ก ๆ ตื่นเต้น ....ไปด้วยแน่นอนขอให้ได้ไปเที่ยว ที่ไหนก็ไป แพรและเจ้าพีลูกขอเก่งตื่นเต้นกันยกใหญ่  รวมแล้วเที่ยวนี้ผู้ใหญ่ 5 เด็ก 2 กับรถ 2 คันถึงอุ้มผางดึกดื่นค่ำคืนเข้าไปแล้ว กลางเต็นท์นอนบนกระต๊อบบ้าง  บ้างก็นอนในรถตามอัธยาศัย 

วันนี้สบาย ๆ ใครอยากทำอะไรก็ทำ แพรและพีตื่นนอนขึ้นมาตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติป่าเขารอบ ๆ ตัว ถามถึงที่จะเล่นน้ำเลยว่าอยู่ไหน  ก็คิดเอาก็แล้วกันว่าในช่วงปีใหม่อากาศที่นั่นก็แสนจะเย็น แต่เด็ก ๆดูเหมือนจะไม่หวั่นอะไร........ผม เก่ง ต้นเดินวนเวียนกันอยู่ในโรงเฟิน จากนั้นผมก็บอกให้ช่วยกันหาฟืน อากาศเย็นตั้งแต่บ่ายแล้ว คืนนี้คงต้องอาศัยไออุ่นจากกองไฟก่อนนอน เด็กก็สนุกช่วยกันหาฟืน ไม่ต้องเดินเข้าป่าหาที่ไหน ต้นส้มที่ผมฟันทิ้งเมื่อปีที่ผ่านมากำลังแห้งได้ที เย็นนี้มีปาร์ตี้กลางป่าเล็ก ๆย่างหมู  ย่างไก่ กินกัน  แต่จะดึกนักไม่ได้เพราะพรุ่งนี้เรามีโปรแกรมไปเดินป่ากัน ผมตั้งใจไว้ว่าจะพาเด็ก ๆ ไปเดินตรงน้ำซับจุดกำเนิดของลำธารสายเล็ก ๆ ย้อนเวลาไปเมื่อช่วงวันก่อนปีใหม่ไม่กี่วันผม ต้น และชาติไปเดินดูเฟินชิมลางบริเวณที่จะไปกันมาบ้างแล้ว ตอนนั้นเริ่มเดินจากยอดดอยไปถึงจุดน้ำซับ  และเดินไปตามน้ำแต่ตอนนั้นพวกเรามีเวลาแค่ 2 ซ.ม. ยังมีความรู้สีกว่าไม่เต็มอิ่ม  ก็เลยหมายมั่นปั้นมือว่าจะกลับมาที่นี่อีกรอบ

เช้าของวันเดินป่าพวกเราไม่รีบร้อนกันมากนัก  ผม ต้น ชาติ และไก๋ รวมถึงเด็ก ๆ ยกเว้นเปิ้ลที่ขอนอนอยู่ที่สวนดีกว่า  ขับรถย้อนไปเส้นทางลอยฟ้าจุดที่เราจะเดิน  จอดรถบนยอดดอยลูกหนึ่ง พอทุกคนพร้อมก็เริ่มเดินทางกันไปบนสันเขาผ่านดง กูดตั๋งหรือเฟินอุ้งตีนหม  บนสันเขาลูกนี้และลึกลงไปข้างล่างมีเฟินชนิดนี้อยู่มากมายจะเรียกว่าเป็นดอยของเฟินชนิดนี้เลยก็ว่าได้ มีขนาดตั้งแต่เหง้าเล็ก ๆ ชึ่งถึงขนาดสูงเท่าหน้าอกประเภทออกเป็นกอหรือแตกแขนงเป็นรูปทรง ๆ ต่าง ๆให้เห็นกันมากมายป่าในช่วงนี้เป็นป่าโปร่งในบริเวณเดียวกันนี้พบเป็นอุ้งตีนหมีก็จะพบพวกเฟินสกุล Pterisที่มองเผินคล้ายกูดกวางแต่ในเล็กเรียวและแข็งกว่ามาก ขึ้นอยู่ค่อนข้างมาก  รูปทรงไปประกอบขนนกชั้นเดียวใบเล็กเรียวแปลกตาดีเหมือนกัน พอเริ่มเดินเข้าป่าทีค่อนข้างร่มครึ้มเราจะพบพวกเฟิน Lindsaea heterophlla มองเผิน ๆ อาจจะคิดว่าเป็น เฟินก้านดำใบร่ม อีกชนิดหนึ่ง มีขนสีขาวปกคลุมที่ใบ ในบริเวณเดียวกันก็มีพวกเฟิน Lindsaea falcata  แต่ใบค่อนข้างเล็กกลมลักษณะใบเป็นแบบในประกอบ2ชิ้นมองเผินๆคิดว่าเป็นก้านดำใบดาวได้เหมือนกัน

ผมเดินนำหน้าเพราะหวังว่าจะเริ่มเดินจากจุดน้ำซับไปเรื่อย ๆ แต่ป่าก็คือป่าถ้าไม่ชำนาญจริงก็จะทำให้หลงได้  ผมพาเดินลงผิดทาง เป็นทางค่อนข้างชันมากกว่าจะรู้ตัวว่าผิดทางก็ไต่ลงมาได้ครึ่งทางแล้วจะย้อนกลับขึ้นไปตั้งต้นใหม่ก็คงต้องใช้พลังงานอีกเท่าตัว  ช่วงนี้สร้างความลำบากให้กับน้องแพรและน้องพีมาก ส่วนเจ้าชาติเห็นท่าไม่ดีก็เลยให้น้องพีขี่หลังลงไปส่วนน้องแพรเจ้าแก่งต้องคอยประครองไม่ให้พลาด  งานนี้ถ้าพลาดอย่างน้อย ๆ ผมว่าต้องถึงเลือดถึงเนื้อกันแน่ ๆ  แต่ดูจากความสูงชันของพื้นที่ผมว่ามันน่าจะถึงกระดูกกันมากกว่า ในที่สุดพวกเราก็มาถึงลำธารข้างล่างมาอย่างทุลักทุเล  ผมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่มีโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เห็นแหล่งน้ำซับที่เป็นต้นกำเนิดของลำธารสายเล็ก ๆ ที่พวกเรากำลังยืนอยู่รอบ ๆ ตัวเป็นป่าที่ร่มครึ้มน้ำใส ใหลเย็น เห็นที่อยู่ป่าวลำธารที่เห็นกันทั่วไปก็เป็นพวกกูดกวางที่ขึ้นอยู่ตามดิน และตามโขดหินก็เป็นพวก Microsorun membra  กับกูดหางนกกะลิงเฟินกีบแรดมีมีตั้งแต่เหง้าเล็ก ๆ เท่าหัวแม่มือจนถึงเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่าฟุต พวกเราเดินตามลำธารมาเรื่อย ๆ ตามต้นไม้และโขดหินจะเห็นพวกเฟินสกุล Asplenium treemaidenhair เกาะอยู่ตามต้นไม้ หรือโขดหิน บางส่วนก็เริ่มเหี่ยวแห้งเพราะเข้าสู่ฤดูแล้งผมเห็นแล้วก็อดที่จะวักน้ำใส่ไม่ได้ บางครั้งก็พบเฟิน Asplenium drepanophyllum  ยิ่งเดินลึกเข้าไปจะเห็น เฟินหัสดำมากมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งต้นเล็ก ต้นใหญ่ ที่สูงประมาณอกเราในช่วงโค้งน้ำจุดหนึ่งพื้นคันบริเวณนั้นเป็นทรายที่ทับถมด้วยใบไม้ผุ  ผมเจอเฟินที่ลักษณะโดดเด่น ชนิดหนึ่งลักษณะเหง้าตั้งตรงสูงประมาณ 1 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-6 นิ้ว ก้านมีขนสีน้ำตาลปกคลุมใบเป็นแบบใบประกอบขนนก  3 ชิ้น ใบล่างสุดมีก้านที่เกิดตั้งฉากก้านใบระดับที่ 2   พยายามหาซื้อยู่แต่ไม่กล้าบอกว่ามันเป็นเฟินในสกุลไหนกลัวว่าจะให้ข้อมูลที่ผิดพลาด นอกจากนี้ตามโขดหินที่มีความชื้นยังพบพวก กูดบ้ง อีกด้วย ยิ่งเดินลึกเข้าไป เฟินหัสดำ  ยิ่งมีความสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ต้นไม้ใหญ่เราพบเห็นเฟินปรอกหางแมวใบห้อยลงมาน่าจะยาวเกิน 1 ศอก  ตามพื้นดินใบไม่ผุทับถม   ผมก็เห็นเฟินนชนิดนี้ขึ้นอยู่เหมือนกัน   เราเดินลอดใต้ต้นไม้ บางครั้งก็ต้องข้ามต้นไม้ที่ล้มขวางลำธารบางครั้งต้นไม้เหล่านี้ก็จะมีเฟินหางนกหว้าเกาะอยู่ด้วยตามต้นไม้ต่ำๆ ๆ หรือโขดหินก็มีให้เห็นกันประปรายต้นไม้สูงบางครั้งก็จะมีกูดอ้อม และ Polypodium ptilorhizon ลำธารเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะที่ทางเดินผ่านมามีสายน้ำเล็ก ๆ ไหลมาบรรจบแต่พวกเราก็ไม่ได้แวะเข้าไป  ก็คงต้องเอาไว้โอกาสต่อไปช่วงนี้การเดินต้องไต่โขดหินขึ้นลงตลอดเวลาเฟินหัสดำช่วงนี้จะสูงมากประมาณตึก 2 ชั้น เด็ก ๆ ตลึงเห็นแล้วไม่เชื่อว่าเป็นว่าเป็นเฟิน ครอบครัวเก่งเดินกันไปก็คุยหยอกล้อกันไปผมคิดแล้วอิจฉาครอบครัวนั้นจริง ๆ ผมคงไม่มีโอกาสที่จะมีครอบครัวที่พร้อมหน้าแบบนี้  เคยคิดฝันไปเองว่าซักวันจะได้พาเจ้าตัวน้อยของผมมาเที่ยวแบบนี้บ้าง.......มันเป็นความคิด ความฝันที่ผมไม่อาจคาดหวังได้....บางทีตลอดชีวิตนี้ผมอาจจะต้องเดินในป่าเปลี่ยว คนเดียว อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ได้.................... ช่วงที่มีลำธารอีกสายมาบรรจบผมเลี้ยวซ้ายและเดินเข้าไป  น้องแพร-พีตามเข้าไปด้วย พวกเราเดินกันบนต้นไม้ล้ม ประมาณเกือบสองคนโอบไม่น่าเชื่อว่าแม้เปลือกไม้จะหลุดร่อนออกไปข้างนอกเราก็ยังเห็น ช้องนางคลี่ (หางสิงห์) กับช้องเมร ีขึ้นอยู่  ผมคิดดูขนาดเปลือกไม้ที่ผุกร่อน เปื่อยยุ้ย เฟินยังพยายามที่จะใช้สิ่งที่ผุพังเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ มองย้อนมาที่ตัวเราก็ยืนบนซากเปื่อยยุ่ยของชีวิตที่แตกสลาย  ทำไมเราไม่ยืนให้ได ให้ความเปื่อยยุ่ยของชีวิตเป็นปุ๋ย เป็นพลังเหมือนกับเฟินที่เราเห็น ผมเดินบนต้นไม้นี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดน้ำเป็นน้ำซับ ชี้ให้เด็ก ๆ ได้เห็นจากนั้นก็เดินตัดขึ้นเฟินเพื่อวกกลับไปที่จุดเดิมผมเหลียวหลังไปดูต้นไม้ที่ผมใช้เป็นทางเดินเมื่อสักครู่  ภาพความหลังของคนเคยแพ้เกมส์ชีวิตแล้วล้มลง มีบางคนใช้เป็นทางเดิน บางทีก็ข้ามบางครั้งก็เดินข้างบนสลับกันไปจนเค้าถึงจุดหมาย  เค้าไม่เห็นประโยชน์ของคนล้มอีกต่อไป  ไม่คิดเหลียวหลังตามองอีก แต่ผมสำนึกในบุญคุณของไม้ล้มต้นพื้นที่ทำให้ผมไปจนถึงจุดน้ำซับ ที่เป็นแหล่งกำเนิดน้ำ ให้ชีวิต

พวกเรานั่งพักกินข้าวกลางวันที่ลานกว้าง ๆ  ริมน้ำที่ล้อมรอบไปด้วยเฟินหัสดำ  กูดกิน  ข้าวเหนียว ไก่ทอด น้ำพริกแบบบ้านป่าอร่อยสุดยอด ผมสังเกตว่าในบริเวณตั้งแต่พวกเราเริ่มเดินกันมา  เฟินในสกุลหัสดำเราไม่พบเฟินอ้ายหัวเป็ดเลย  อาจเป็นเพราะว่าบริเวณนี้เป็นป่าที่ร่มครึ้ม  อยู่ในหุบเขาเฟินหัวอ้ายเป็ดที่พบส่วนใหญ่จะอยู่ในที่สูงรับไอน้ำ  แสงแดด เต็มที่บริเวณนี้จึงไม่เหมาะสมที่จะเกิดเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ เมื่ออิ่มหนำสำราญพักให้ข้าวเรียงเมล็ดตามภาษาโบราณ พูดคุยหยอกล้อกัน  ซักพักก็ออกเดินกันต่อ  น้องพีช่างซักถามตามประสาเด็ก  มีออกนอกเส้นทางเล็ก ๆ  แม่ก็ร้องเสียงหลงกลัวไปสารพัดตามประสาแม่  ทางเดินเริ่มลำบากขึ้น  บางครั้งต้องขึ้นจากน้ำเดินเลาะไปตามริมธาร เพราะบางช่วงเป็นน้ำตกเล็ก ๆ ค่อนข้างลื่นและชันเสี่ยงต่อการลื่นไหล  อันตรายทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่  มีครั้งหนึ่งผมโหนกิ่งไม้เพื่อโน้มตัวลงไปข้างล่าง  ด้วยความไม่รอบคอบไม่ทันดูว่ากิ่งไม้ผุตกลงมาข้างล่างอย่างไม่เป็นท่า  ช่วงนี้การเดินในน้ำก็ค่อนข้างลำบาก  เพราะใต้น้ำเป็นหินก้อนใหญ่ที่ลื่น ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษผมพลาดลื่นเปียกไปเกือบทั้งตัวก็หลายครั้ง  พวกเราเดินลัดเลาะขึ้นลงลำธารกันตลอดเส้นทางในช่วงนี้  เฟินที่พบในช่วงนี้เป็นพวก Microsorun  membra หางนกหว้า กีบแรดซึ่งมีให้เห็นกันจนกลาดเกลื่อน ยังมีพวก..ในสกุล Athyrium แปลก ๆ ที่ไม่รู้จักชื่อก็มีให้เห็น  เฟินหัสดำในเส้นทางช่วงนี้ต้นสูงไม่ต่ำกว่า 3เมตรล้มอยู่ตลอดทางผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าช่วงนี้เมื่อมองไปข้างหน้าตามลำธารที่ไหลไปจากที่เคยเห็นต้นไม้หรือภูเขาบดบังสายตาเบื้องหน้าแต่ครั้งนี้สายตาที่มองไปลอดต้นไม้หรือใบไม้ไกลๆกลับมองเห็นท้องฟ้าที่อ้า้งว้างเหมือนกับว่าทางข้างหน้าที่เราจะเดินกันไปให้ความรู้สึกว่าเป็นที่โล่งหรืออยู่ในที่สูง ต่อหน้า 2